วันนี้ (16 มกราคม 2563) เวลา 13.00 น. ณ หอประชุมอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม โดย ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. และนายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ทำพิธีมอบผ้าห่มในโครงการ “ทางพิเศษคู่ใจ สู้ภัยหนาว” ประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 4,000 ผืน ให้แก่ผู้ประสบภัยหนาว ในจังหวัดนครพนม โดยมีนายรังสรรค์ คัมภิรานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมให้การต้อนรับ
ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า กทพ. ได้จัดโครงการ “ทางพิเศษคู่ใจสู้ภัยหนาว” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยโครงการฯ ดังกล่าว จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีงบประมาณ 2555 ซึ่ง กทพ. ได้นำผ้าห่มไปมอบให้แก่ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ใน 9 อำเภอ ที่ประสบภัยหนาว ครั้งที่ 2 เมื่อปีงบประมาณ 2556 นำไปมอบให้แก่ชาวภูเวียงและเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 3 ปีงบประมาณ 2557 นำไปมอบให้ชาวห้วยยางและเทศบาลทุ่งลุยลายอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2558 นำไปมอบให้ชาวอำเภอเชียงคานและอำเภอปากชม จังหวัดเลย ครั้งที่ 5 เมื่อปี 2559 นำไปมอบให้ชาวอำเภอเขาค้อและอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ชาวอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย และชาวอำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ครั้งที่ 6 เมื่อปี 2560 นำไปมอบให้ชาวอำเภอปัวและอำเภอเมือง จังหวัดน่าน ครั้งที่ 7 เมื่อปี 2561 นำไปมอบให้ผู้ประสบภัยหนาวในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 8 เมื่อปี 2562 นำไปมอบให้ชาวอำเภอแม่ฟ้าหลวงและอำเภอเมือง จังหวัดเลยตลอดจนจังหวัดแม่ฮ่องสอน
และในปีนี้เช่นกัน กทพ. ได้จัดทำผ้าห่มในโครงการ “ทางพิเศษคู่ใจ สู้ภัยหนาว” จำนวน 5,000 ผืน และเปิดรับบริจาคที่บริเวณด่านเก็บค่าผ่าน ทางพิเศษทุกสาย ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2562 ทั้งนี้ กทพ. จะนำผ้าห่มที่จัดทำร่วมกับผ้าห่มที่ได้รับ การบริจาคไปมอบให้ประชาชนในจังหวัดนครพนม จำนวน 4,000 ผืน และจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 1,000 ผืน รวมทั้งสิ้น 5,000 ผืน
“กทพ. ขอขอบคุณผู้ใช้บริการทางพิเศษทุกท่านที่กรุณาร่วมกันบริจาคผ้าห่ม ซึ่งผ้าห่มทุกผืนที่ได้รับบริจาคจะช่วยให้ความอบอุ่นแก่พี่น้องผู้ประสบภัยหนาวได้เป็นอย่างดี และ กทพ. หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคต หาก กทพ. ดำเนินการโครงการใดที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนคงจะได้รับความร่วมมือจากผู้ใช้ ทางพิเศษอีก ขอบคุณครับ” ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวในท้ายที่สุด
