วันนี้ (๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙) ณ อาคารอเนกประสงค์ ชั้น ๑๐ ห้อง Hall ๔ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม และ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ร่วมลงนาม ความร่วมมือการวิจัยและพัฒนา นำนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added : HVA) จากวัตถุดิบในประเทศ เสริมศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศ โดยมี นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการ กทพ. และ นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ ร่วมลงนามในพิธี
นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า “กทพ. และ เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล โดยร่วมลงนามความร่วมมือการวิจัยและพัฒนา นำนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added : HVA) จากวัตถุดิบในประเทศ เสริมศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศ เสริมศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศ นำร่อง ๓ โครงการ ได้แก่ นวัตกรรมกำแพงกั้นเสียงบนสะพานด้วยพลาสติกที่น้ำหนักเบา แต่แข็งแรง ในราคาถูกกว่าวัสดุเดิม, ตู้เก็บค่าผ่านทางที่ปรับรูปแบบให้ตอบโจทย์ ความต้องการของผู้ใช้งาน และหุ่นยนต์ตรวจสอบสภาพสิ่งปลูกสร้าง ทดแทนการทำงานของคนในพื้นที่อันตราย มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพบริการของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในสังคม”
นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เอสซีจี เคมิคอลส์ มุ่งคิดค้นพัฒนาเพื่อสร้างคุณค่าให้ลูกค้า โดยผลักดันการสร้างสรรค์วัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม หรือ HVA เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้และวันหน้า สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ เอสซีจี เคมิคอลส์ จะนำนวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนาที่ใช้งานได้จริงเชิงพาณิชย์ ๓ โครงการ มาเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้น ต้องขอขอบคุณการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ที่ร่วมสนับสนุนนวัตกรรมจากการคิดค้นวิจัยและพัฒนาของเราเชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง สอด คล้องกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี เคมิคอลส์ “คู่คิด คู่ค้า คู่พัฒนา” ที่มุ่งสร้างความสำเร็จโดยเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้าอย่างยั่งยืนต่อไป”
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว กทพ. ได้สนับสนุนนวัตกรรมสินค้าและบริการจากการวิจัยและพัฒนาของเอสซีจี เคมิคอลส์ ๓ โครงการ เพื่อนำมาเสริมสร้างศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของประเทศ ได้แก่
– การออกแบบกำแพงกั้นเสียงบนสะพาน ด้วยวัตถุดิบภายในประเทศโดยมียางพาราเป็นส่วนผสม มีน้ำหนัก เบากว่าวัสดุเดิม ไม่ว่าจะเป็น ปูนซีเมนต์ สแตนเลส หรืออลูมิเนียม แต่แข็งแรงทนทานเท่าเดิม ในราคาที่เทียบเท่าหรือถูกกว่า ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามความต้องการ ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว นอกจากนี้ นวัตกรรมดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบยางพาราในประเทศอีกด้วย
– ตู้เก็บค่าผ่านทางที่ออกแบบพิเศษโดยปรับปรุงให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ผลิตจาก พอลิ เอทิลีน ขึ้นรูปด้วยเทคนิคพิเศษ สามารถดีไซน์รูปทรงให้ทันสมัย ทำความสะอาดง่ายและช่วยประหยัดพลังงาน มีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในตู้ตามหลักสรีรวิทยาเพื่อสุขอนามัยที่ดีของพนักงาน อาทิ การปรับมุมและความสูงของที่นั่งให้เหมาะสม จำกัดแสงสว่างและเสียงจากภายนอกให้อยู่ในระดับมาตรฐาน เป็นต้น
– หุ่นยนต์เพื่อการตรวจและรายงานสภาพโครงสร้างสิ่งปลูกสร้าง สะพาน ทางด่วน หรือทางพิเศษ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบที่ละเอียด แม่นยำ สามารถตรวจการชำรุดได้เล็กถึง ๐.๑ มิลลิเมตร ด้วยกล้อง Super high definition เข้าถึงพื้นที่ได้ ๑๐๐ % ด้วยระบบกล้องมองรอบด้าน ๓๖๐ องศา และระบบการขับเคลื่อน 4-wheel drive เพื่อการปีนข้ามอุปสรรคบนเคเบิล ลดเวลาการตรวจได้ ๒๔ เท่า หรือจาก ๘ ชั่วโมงเหลือ ๒๐ นาที ช่วยทดแทนการทำงานของคนที่ต้องเข้าไปทำงานในพื้นที่เสี่ยง นับเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
ข่าว โดย กองประชาสัมพันธ์ สำนักผู้ว่าการ
ภาพข่าว โดย กองข้อมูลข่าวสาร สำนักผู้ว่าการ
