กทพ. จัดอบรมโครงการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร หนึ่งในแผนปฏิบัติการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของ กทพ. ปีงบประมาณ ๒๕๕๙

กทพ. จัดอบรมโครงการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร หนึ่งในแผนปฏิบัติการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ของ กทพ. ปีงบประมาณ ๒๕๕๙

วันนี้ (๘ สิงหาคม ๒๕๕๙) เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ ห้องบอลรูมซี โรงแรมมารวย การ์เด้น นายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการจัดอบรมโครงการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งในแผนปฏิบัติการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของ กทพ. ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ สอดคล้องตามแผนแม่บทเชิงกลยุทธ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ระยะยาว ๕ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๓) ทั้งนี้การอบรมเพื่อเป็นการจัดทำข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization : CFO) เป็นวิธีการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์กร โดยวัดออกมาในรูปต้นคาร์บอน ไดออกไซด์เทียบเท่า เพื่อให้ทราบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินงานขององค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ และ ความเข้าใจเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร

ทั้งนี้ ในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ กทพ. และ BEM จะจัดกิจกรรม “วิ่งสามัคคี ศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร” จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมกิจกรรมฯ ระหว่างเวลา ๐๕.๓๐ – ๐๙.๐๐ น. ณ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสะพานพระราม ๗ โดยจะนำรายได้จากการจัดกิจกรรมฯ สมทบทุนการกุศลมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก เพื่อสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี

โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง ๑๖.๗ กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข ๙ (ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ) บริเวณโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ ในทางแนวทิศตะวันออก ขนานกับแนวทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง ตลิ่งชัน – บางบ่อ (รถไฟสายใต้เดิม) ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม ๖ สิ้นสุดสายทางบริเวณบางซื่อ เข้าเชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชหรือทางด่วนขั้นที่ ๒ เมื่อเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ จะช่วยแบ่งเบาปริมาณการจราจรทางด้านทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ และเป็นทางเลือกการเดินทางของประชาชน จากถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ราชพฤกษ์ บรมราชชนนี สิรินธร และจรัญสนิทวงศ์ เข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี ทำให้การเดินทาง รวมถึงการขนส่งสินค้ามีความสะดวก รวดเร็ว ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน น้ำมันเชื้อเพลิง และการสึกหรอของเครื่องยนต์ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

ข่าว และ ภาพ โดย กองข้อมูลข่าวสาร สำนักผู้ว่าการ

Comments are closed.