๒๒ – ๒๓ สิงหาคมนี้ กทพ. จับมือ บช.น ทดลองเปิดช่องทางพิเศษ (Reverse Lane) บนทางพิเศษฉลองรัช (ขาเข้าเมือง) เพื่อระบายการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า (๐๖.๓๐ – ๐๘.๓๐ น.) วันทำการ

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาลเตรียมทดลองเปิดช่องทางพิเศษ (Reverse Lane) ระยะทาง ๕.๗ กิโลเมตรบนทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) เพื่อระบายการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า (ทิศทางเข้าเมือง) ระหว่างเวลา ๐๖.๓๐ – ๐๘.๓๐ น. (เฉพาะวันราชการ) โดยจะทดลองเปิดช่องทางพิเศษในวันที่ ๒๒ และ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ เพื่อประเมินผลการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดสะสมก่อนที่จะเปิดให้บริการต่อเนื่อง ตั้งแต่วันจันทร์ที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้ใช้ทางพิเศษฉลองรัชในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับความสะดวกและช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางลงได้เป็นอย่างมาก

นายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ กทพ. เปิดเผยรายละเอียดในเรื่องดังกล่าวว่า ทางพิเศษฉลองรัช ช่วงรามอินทราถึงทางลงถนนพระราม ๙ ทิศทางขาเข้าเมืองในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า จะมีสภาพจราจรติดขัด เนื่องจากมีปริมาณจราจรสูงเกือบ ๘,๐๐๐ คัน/ชั่วโมง ส่วนหนึ่งมุ่งหน้าเข้าสู่ระบบทางพิเศษเฉลิมมหานครไปลงอาจณรงค์ ท่าเรือคลองเตย ถนนพระรามที่ ๔ อีกส่วนมุ่งหน้าเข้าสู่ระบบทางพิเศษศรีรัชไปศรีนครินทร์ อโศก รวมถึงลงถนนพระรามที่ ๙ แต่ในทางกลับกันทิศทางขาออกเมืองสภาพการจราจรคล่องตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาจราจร กทพ. จึงได้จัดทำช่องทางเดินรถพิเศษ (Reverse Lane) เพื่อช่วยระบายปริมาณรถในทิศทางขาเข้า เริ่มต้นก่อนทางลงถนนลาดพร้าว (กิโลเมตรที่ 12+100) หน้าเซ็นทรัลเฟสติวัลอีสต์วิลล์ จนถึงเลยทางลงถนนพระราม ๙ ก่อนถึงทางลงพัฒนาการ ซึ่งการเปิดช่องทางพิเศษนี้จะช่วยให้รถที่ต้องการไปพัฒนาการ สุขุมวิท ๕๐ อาจณรงค์ บางนา ดาวคะนอง สามารถเดินทางผ่านช่องทาง Reverse Lane ดังกล่าวที่สามารถรองรับรถได้ถึง ๑,๒๐๐ คัน/ชั่วโมง ทำให้สามารถเดินทางได้เร็วขึ้น แต่สำหรับรถที่ต้องการลงถนนพระราม ๙ หรือเชื่อมทางพิเศษศรีรัชเข้าอโศกและศรีนครินทร์ไม่สามารถใช้ช่องทางเดินรถพิเศษนี้ได้ให้ใช้เส้นทางปกติ

“การเปิดใช้ช่องทางเดินรถพิเศษนั้น กทพ. จะจัดเจ้าหน้าที่จราจรอำนวยความสะดวกบริเวณจุดเข้าและจุดออก และแบ่งช่องทางเดินรถพิเศษด้วยกรวยยางตลอดระยะทางกว่า ๕.๗ กิโลเมตร จึงขอความร่วมมือจากผู้ใช้ทางพิเศษโปรดขับรถด้วยความระมัดระวัง พร้อมทั้งขอให้สังเกตป้ายสัญญาณไฟจราจร LED แบ่งช่องทางและปฏิบัติตามป้ายเตือนต่างๆ ที่ติดตั้งไว้เป็นระยะๆ ซึ่งทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ กทพ. มุ่งหวัง ที่จะบรรเทาและแก้ไขปัญหาจราจรเพื่อประโยชน์และความสุขของผู้ใช้ทาง” นายดำเกิงฯ กล่าวในที่สุด

 

Comments are closed.